ไม่ว่าใครก็ตามที่ยื่นไมค์ถาม เจอร์เก้น คล็อปป์ ว่าเกมใดคือที่สุดแห่งความชอกช้ำในฐานะผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล
คำตอบจากปากชายเลือดด๊อยช์ท คือเกมที่เกิดเมื่อไม่นานมานี้
มันไม่ใช่เกมพ่าย ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ที่ ลอนดอน 4-1 เมื่อปี 2017 หรือโดน แอสตัน วิลล่า ถลุงถล่มทลาย 7-2 ที่ เบอร์มิงแฮม ตอนปี 2020
แต่คือค่ำคืนที่ เนเปิ้ลส์ ณ สตาดิโอ ดิเอโก้ มาราโดน่า ต่างหาก ที่ คล็อปป์ ยอมรับว่าวันนั้นเป็นความทรงจำสุดเลวร้าย แย่สุดนับตั้งแต่เข้ามารับงานในถิ่น แอนฟิลด์
ความพ่ายแพ้ 2 นัดที่กล่าวไป หรือเกมอื่น ๆ ที่ผลการแข่งขันออกมาไม่เป็นใจ ทั้งหมดมัดรวมกันก็ยังไม่แย่เท่าผลงานนัดนี้นัดเดียว
คล็อปป์ เผยว่าเกมปราชัยอื่น ๆ มันยังพอมีเรื่องดี ๆ ให้เห็น แต่เกมกับ นาโปลี มันไม่มีอะไรแบบนั้นเลย
นักเตะตัวจริงทุกคนไม่มีใครเล่นดีเกินมาตรฐาน หนำซ้ำมีถึง 8 รายที่สอบตก ส่วนอีก 3 เล่นได้แค่ระดับปานกลาง
คล็อปป์ ถูกตอกย้ำว่าเขามักมีอาถรรพ์กับการคุมทีมในปีที่ 7 เนื่องจากเมื่อย้อนไปสมัยคุม ไมน์ซ หลังจากพาทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่ บุนเดสลีกา
อีก 7 ปีต่อมาผลงานตกจนร่วงไปเล่นลีกรอง และต่อมาเขาก็ย้ายไปคุม โบรุสเซียร์ ดอร์ทมุนด์
ที่ “เสือเหลือง” แม้ คล็อปป์ จะพาทีมยิ่งใหญ่คว้าถาดแชมป์ บุนเดสลีกา 2 สมัย แต่ประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอยในปีที่ 7 เมื่อ ดอร์ทมุนด์ ตกอยู่ในสถานการณ์หนีตกชั้นก่อนที่จบซีซั่่น เขาก็ลาออก
แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้กับ ลิเวอร์พูล ก็พาย้อนไปให้คิดว่าจะเกิดขึ้นซ้ำรอยอีกหรือเปล่า?
คำถามเกิดขึ้นหลังเกม นาโปลี คล็อปป์ ถูกสื่อยิงคำถามใส่ หลังก่อนหน้านั้น โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือเพื่อนร่วมชาติเพิ่งถูก เชลซี ปลดแบบฟ้าผ่า
เขายืนยันว่าตัวเองไม่ได้กังวลว่าจะมีชะตากรรมเดียวกับ ทูเคิ่ล ถึงแม้อนาคตไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่สิ่งที่ต่างกันกับ เชลซี คือที่ ลิเวอร์พูล มีเจ้าของทีมในมุมมองที่ต่างออกไป
เพราะ จอห์น เฮนรี่ เป็นเจ้าของทีมที่ใจเย็น และมั่นใจว่า คล็อปป์ จะจัดการกับปัญหานี้ได้ ซึ่งเขาก็ยืนกรานว่าต่อจากนี้ ต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
“We have to reinvent ourselves” คล็อปป์ เผยกับ เอ็คโค่ สื่อท้องถิ่นประจำเมืองลิเวอร์พูล ซึ่งเป็นความหมายง่าย ๆ ที่ว่า “เราต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง”
แต่ถ้าจะตีความของคำว่า reinvent ให้ลึก ก็จะพบได้ว่ามันไม่ใช่แค่เปลี่ยนแปลงธรรมดา ๆ แต่มันเป็นขั้นกว่าของคำว่า เปลี่ยน ที่เรียกแบบภาษาไทยประมาณว่า เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
ถามว่า คล็อปป์ จะเปลี่ยนอย่างไรให้ลูกทีมถีบตัวเองขึ้นมาให้อยู่ในระดับที่มาตรฐานที่พวกเขาสร้างขึ้นให้แฟนบอลทั่วโลกเห็นมาตลอด 3-4 ปีหลังสุด
โจทย์ใหญ่ที่เขาต้องแก้ต่างข้อวิจารณ์ให้ได้คือการใช้นักเตะที่มีอายุมากเกินไป หรือระบบ 4-3-3 ของ ลิเวอร์พูล ถูกคู่แข่งจับทางได้จนทำให้ระบบการเล่นไม่เดินหน้าเหมือนเคย
อายุคือประเด็นที่เกิดขึ้นตั้งแต่เกมคอมมิวนิตี้ ชิลด์ ทีมชุดที่เจอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อายุเฉลี่ยของผู้เล่นตัวจริงเท่ากับ 29 ปี 315 วัน ซึ่งมันมากสุดนับตั้งแต่ปี 1953 ที่ตอนนั้นเฉลี่ย 30 ปี 39 วัน
และหากไล่อายุเฉลี่ยของ ลิเวอร์พูล ช่วง 7 ปีหลังในยุคของ คล็อปป์ ก็จะเห็นได้ว่าเพิ่มขึ้นทุกปี ๆ และบ่งบอกว่า คล็อปป์ ยังคงยึดติดกับขุมกำลังที่มีมาโดยตลอด
ฤดูกาล อายุเฉลี่ย
2015-16 25.2
2016/17 26.1
2017/18 25.6
2018/19 26.1
2019/20 26.6
2020/21 26.8
2021/22 27.7